หลังจาก ครม. ภายใต้รัฐบาลใหม่ เห็นชอบมาตรการฟรีวีซ่าชั่วคราวให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ สำหรับประเทศจีนและคาซัคสถาน สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้เป็นระยะเวลา 5 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.2566 - 29 ก.พ.2567 หวังกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคการท่องเที่ยว
โดยเฉพาะชาวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนไม่ได้กลับมาคึกคักเท่าช่วงก่อนวิด 19 ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เคยตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเข้ามาไทยในปี 2566 นี้ที่ประมาณ 5 ล้านคน
แต่ผ่านมาแล้วเกินกว่าครึ่งปี นักท่องเที่ยวจีนมาเข้าไทยยังไกลจากเป้าหมายที่ตั้งไว้พอสมควร แม้ไทยจะเปิดประเทศมานานสักพักแล้วก็ตาม เนื่องจากตอนนี้ จีนกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ ผู้คนระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างประเทศ อีกทั้งการเดินทางมาไทยยังมีขั้นตอนหลายอย่าง ทั้งต้องใช้เวลาในการขอวีซ่าและยังต้องเสียค่าใช้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการด้วย นับว่าเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนในการเดินทางมาเยือนประเทศไทย
ดังนั้นมาตรการฟรีวีซ่าชั่วคราวนี้จึงเป็นความหวังของรัฐบาลที่อยากกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในช่วงโค้งสุดท้ายของปี นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยด้วย
สำหรับภาคอสังหาฯ เป็นธุรกิจที่ส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจไทยในสัดส่วนค่อนข้างมาก อาศัยกำลังแรงซื้อภายในประเทศเอง รวมถึงกลุ่มชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ครองแชมป์อันดับหนึ่งมาหลายปีซ้อน ไม่เว้นแม้แต่ช่วงโควิด 19 ชาวจีนก็ยังให้ความสนใจซื้ออสังหาฯ ไทยมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนนั้น สัมพันธ์ไปกับจำนวนการซื้ออสังหาฯ ด้วย หากปีไหนนักท่องเที่ยวชาวจีนเยอะ ยอดซื้ออสังหาฯ ไทยของชาวจีนก็จะมีแนวโน้มเยอะตามอย่างมีนัยยะสำคัญ
ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) รายงานสถิติการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติในไทย ช่วง 6 เดือนแรก (มกราคม - มิถุนายน) ของปี 2566 พบว่าชาวจีน โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากที่สุดทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 3,448 หน่วย หรือ 47% ของจำนวนยูนิตที่ชาวต่างชาติโอนทั้งหมด เช่นเดียวกับมูลค่าการโอน ชาวจีนโอนคอนโดในไทยมากที่สุด รวมกว่า 16,992 ล้านบาท หรือราว 48% ของมูลค่าการโอนของชาวต่างชาติทั้งหมด
ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีหลังจากมาตรการฟรีวีซ่ามีผลบังคับใช้แล้ว น่าจะมีส่วนผลักดันให้ตลาดคอนโดมิเนียมชาวต่างชาติฟื้นตัวมากขึ้น ผ่านมุมมองบวก 2 ประเด็นหลัก ต่อไปนี้
1.) ชาวจีนสามารถเดินทางเข้ามาซื้ออสังหาฯ ไทย ได้สะดวกมากขึ้นตามกฎหมายแล้ว ชาวต่างชาติสามารถซื้อห้องชุดในประเทศไทยได้ 49% ของพื้นที่ขายโครงการ แต่ในช่วงที่ผ่านมาลูกค้าชาวจีนเข้ามาซื้ออสังหาฯ ไทยในสัดส่วนยังน้อย แม้ในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มผู้ซื้อชาวจีนใช้วิธีติดต่อกับ Agent ในไทยเพื่อซื้อห้องชุด แต่ก็ยังพบอุปสรรคในการซื้อขายหลายอย่าง ภาพรวมยอดขายไม่ได้สูงเท่าช่วงสถานการณ์ปกติ
ดังนั้นคาดการณ์ว่าเมื่อเปิดให้ชาวจีนเข้ามาไทยได้โดยลดขั้นตอนการขอวีซ่า จะทำให้ชาวจีนเดินทางเข้ามาไทยเพิ่มขึ้น รวมถึงกลุ่มที่สนใจจะซื้อห้องชุดในไทย สามารถเดินทางเข้ามาดูโครงการได้ด้วยตัวเอง และลดความยุ่งยากในขั้นตอนการซื้อขายไปได้มาก
รวมถึงช่วยเปิดทางให้ชาวจีนเข้ามาเที่ยวไทยได้อย่างสะดวกสบาย ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้ออสังหาฯ ไทยในระยะยาวได้ง่ายขึ้น เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าไทยเรามีจุดแข็งหลายอย่าง ค่าครองชีพไม่แพง สะดวกสบาย ผู้คนเป็นมิตร โครงสร้างพื้นฐานมีความพร้อม ฯลฯ ชาวต่างชาติจึงชื่นชอบประเทศไทยและมักตัดสินใจซื้อคอนโดอยู่เป็นบ้านหลังที่สอง รวมถึงซื้อเพื่อลงทุนด้วย
2.) ท่องเที่ยวคึกคัก เศรษฐกิจฟื้น อสังหาฯ ไทยดีตาม
มีนักวิเคราะห์บางสำนักการคาดการณ์ว่า การกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไทยผ่านนโยบายฟรีวีซ่า แม้จะไม่ได้กระตุ้นภาคอสังหาฯ ให้เห็นผลระยะสั้นภายในไม่กี่เดือน แต่หากมาตรการฟรีวีซ่าชาวจีนได้รับการพิจารณาขยายระยะเวลาต่อไปอีก จะช่วยดึงดูดชาวจีนให้เข้ามาท่องเที่ยวและใช้จ่ายในประเทศไทยได้มากขึ้น เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม ส่งผลต่อการจ้างงาน การบริโภคจับจ่ายใช้สอยของคนไทย ภาคธุรกิจเติบโต (ธุโดยเฉพาะธุรกิจอสังหาฯ จะได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย) และอาจมีส่วนทำให้ชาวจีนบางส่วนหันมาซื้ออสังหาฯ ไทย เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่แค่ภาคอสังหาฯ เท่านั้น หากมีแรงซื้อต่างชาติเข้ามาประเทศ จะยังส่งผลบวกต่อภาคธุรกิจอื่นๆ ด้วยอีกมาก ดังนั้นมาตรการฟรีวีซ่าจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกของรัฐบาลที่จะใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลายฝ่ายคาดหวังว่าจะเป็นเครื่องมือสนับสนุนแรงซื้อต่างชาติ นอกเหนือจากกำลังบริโภคภายในประเทศเองที่ยังไม่กลับมาคึกคักมากนัก
อย่างไรก็ตาม มาตรการฟรีวีซ่า ยังคงต้องจับตาดูผลลัพธ์ไปอีกระยะว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน และสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังอย่างยิ่งคือ “ทุนจีนสีเทา” ที่อาจเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ทำธุรกิจผิดกฎหมาย หรือเลี่ยงภาษี เป็นปัญหาที่คนไทยบางส่วนก็กังวลใจ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ควรให้การกำกับดูแลในประเด็นนี้อย่างเข้มงวดด้วยเช่นกัน
THE BANGKOK RESIDENCE
"Real Estate for Happiness"
Contact us now
Call Center : 1319
Line @bkkresidence